Say somethin'

Say somethin'

เพลงที่เคยเกือบจะได้รับเลือกเป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้ม The Emancipation of Mimi มาแล้ว แต่ถูกโดนดองไว้จนนำมาโปรโมทเป็นซิงเกิลลำดับสุดท้าย เหตุเพราะเพลงหลุดมาก่อนทั้งยวง นำความประหลาดใจมาสู่แฟนๆ ว่านี่มันsound อะไรกัน ดนตรีอาร์แอนด์บีสังเคราะห์แปลกๆ แบบที่มารายห์เองไม่เคยทำมาก่อนนี่หรือที่เธอจะเลือกนำมาเป็นซิงเกิลแรก มันจะดังมั้ย? จะขึ้นอันดับบนชาร์ทรึปล่าว? ท้ายที่สุด L.A. Reid จึงแนะนำให้มารายห์ลองผลิตงานกับ Jermaine Dupri อีกทีดีมั้ย นั่นล่ะจึงได้ผลผลิตเป็น It's Like That ออกมาแทน เพลงนี้เลยถูกเก็บเข้าชั้นไป ทั้งๆที่มารายห์เตรียม Dance remix ไว้จนเสร็จแล้ว (ซึ่งในเวลาต่อมา David Morales Studio Experience Remix นี่เองที่ประสบความสำเร็จมากกว่า album version) และด้วยความตามใจตัวเอง ท้ายที่สุดมารายห์ก็เลือกเพลงนี้มาปิดอัลบั้มไปแบบไม่สวยเท่าไรนัก

นี่นับเป็นไม่กี่ครั้งที่มารายห์ไม่ได้เครดิตของ production เพลงนี้ ยกเว้นเรื่องเนื้อเพลง เพราะทีม The Neptunes มักไม่ค่อยให้ศิลปินมาก้าวก่ายงาน produceด้วย (ยกเว้น Beyonce ไว้หนึ่งคน)

เราว่าสิ่งที่โดดเด่นของเพลงนี้นอกจาก dance remix ที่ขึ้นอันดับ 1 ของ Hot Dance /Club Play แล้วนั้น ก็คงต้องเป็นมิวสิกวีดิโอที่ได้ผู้กำกับคนเดิมจากเพลง DFAU มารังสรรค์ให้อีกครั้ง นั่นคือ Paul Hunter โดยยกกองกันไปถ่ายกันถึงฝรั่งเศส ซึ่งมารายห์รับหน้าที่เป็นสาวแฟชั่นส์ตัวจริง โดยเธอเปลี่ยนเป็นหลายลุคมากใน 1 เอ็มวี โดยมารายห์ได้เสื้อผ้าคอลเลคชั่นล่าสุดอย่าง Louis Vuitton มาเป็นธีมหลัก (ถึงแม้บางคนจะเหน็บว่ามารายห์ใส่แล้วไม่สวย) อีกทั้งยังไปถ่ายถึงในร้าน LV สาขาฌ็องเซลิเซ่ และเลยไปถึงสะพานปงเดซาร์อีกด้วย

ถึงแม้ว่าเพลงจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะมารายห์ไม่ได้เดินสาย promote และออกรายการใดๆเลย ผลทำให้เพลงนี้ขึ้นสูงสุดเพียงอันดับที่ 79 เท่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับความสำเร็จ Dance remix (กรณีนี้เกิดขึ้นกับเพลง Through the rain และ You're mine เช่นกัน) ที่เกริ่นไว้ว่าเธอได้เคยอัดกับ David Morales ไว้ก่อนหน้าแล้ว สังเกตว่า ตัวproductionมีความใกล้เคียงกับ ILT มาก (และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ร่วมงานกัน) ซึ่งบ้านเราก็โชคดีมากที่ Universal Music ในยุุคนั้นผลิตแผ่นซิงเกิลที่มี remix นี้ออกขายในราคา 150 บาทด้วย ...เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านมาสิบปีแล้วนะเธ้อ