23 มีนาคม 2559 ครบรอบ 18 ปี เพลงอาร์แอนด์บีในตำนานของมารายห์ "Breakdown"

ครบรอบ 18 ปี เพลงอาร์แอนด์บีในตำนานของมารายห์ "Breakdown"



Breakdown คือความใหม่สุดเฟรชสุดและยิ่งใหญ่สุดในการทำเพลงอาร์แอนด์บีของมารายห์เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะถูกจริตกับแฟนเพลงเดนตายแล้ว มันยังขยายวงกว้างไปสู่ฐานแฟนเพลงอื่นๆ ของนางอีกด้วย แม้ว่าจะรู้ๆ กันอยู่ว่าทางค่ายไม่เป็นปลื้มนักสำหรับการเหยียบเรือสองแคมครึ่งหนึ่งเป็นพ๊อพอีกครึ่งหนึ่งเป็นเพลงฮิปฮอปอาร์แอนด์บี แต่นี่ก็ถือว่ามารายห์กล้าตัดสินใจที่จะเลือกทำตามใจของเธอ แม้เพลงอื่นๆ จะสร้างสรรค์เพื่อเอาใจแฟนเพลงเก่าๆ แต่ครึ่งอัลบั้มนี้กลับกลายเป็นว่าดูมารายห์จงใจที่จะเสนองานใหม่มากกว่า (แน่นอนฐานแฟนเพลงเลยลดน้อยถอยลงไปที่เหลือก็คือแฟนคลับเดนตายอย่างเราๆท่านๆ นี่แหละ)

มารายห์เลือกจะโปรโมทเพลงนี้ แต่ค่ายเพลงก็ยังยืนกรานไม่เห็นดีเห็นงามด้วย เนื่องจากพวกเขาอยากได้เพลงที่ขายได้และอยากให้เธอมีเพลงอันดับหนึ่งอีกสักเพลง งานนี้มารายห์เลือกที่หยุดเพลงอันดับหนึ่งที่ได้ติดต่อกันมาถึง 5 เพลงแล้วนั้นไว้ เพราะเธอคิดว่ามันเพียงพอแล้วสำหรับเธอ และเธอขอทำตามใจของเธอบ้าง เมื่อมารายห์เป็นฝ่ายชนะ เพลงได้รับการโปรโมทแบบที่ทางค่ายก็ไม่ใคร่จะอยากสนับสนุนสักเท่าไร ดูได้จากความสำเร็จบนตารางชาร์ตเพลงบิลบอร์ดที่ไม่เข้าอันดับในชาร์ตหลัก แต่เพลงนี้ก็สามารถไต่ไปถึงอันดับที่ 53 ของ Air Play Chart (สมัยก่อน Billboard จะแยกชาร์ตออกเป็นสองชาร์ตคือชาร์ตสำหรับการวัดยอดขายและมีการตัดฟอร์แมทเป็นซิงเกิ้ลซึ่งเป็นชาร์ตหลักหรือเรียกอีกอย่างคือ Hot 100 Single Chart และชาร์ตสำหรับออกอากาศเท่านั้น นั่นก็คือ Hot 100 Air Play Chart ซึ่งปัจจุบันได้รวมเป็นชาร์ตเดียวเพราะอุปสงและอุปทานในช่วงยุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไป)

จนนั่นก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มารายห์อยากจะตีปีกหนีออกจากค่าย แต่ด้วยสัญญาที่เหลือเธอจึงต้องจำทนและดูเหมือนว่าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เมื่ออัลบั้ม #1’s งานเพลงชุดรวมฮิตชุดแรกของเธอออกมา ตอนแรกมารายห์ตั้งใจจะเพิ่มเพลงใหม่มาสี่เพลงตามที่เห็นบนปกนั่นแหละ และขอเอา Breakdown และ Butterfly มาใส่รวมด้วย ซึ่งทางค่ายเห็นว่ามันไม่ตรงกับคอนเสปที่วางไว้ จึงตัดสินใจไม่เอามารวมด้วยแต่ได้แทรกแทรคที่มีความเป็นป๊อปมากกว่าอย่าง Whenever You Call มาให้แทน (เห็นความพยายามและความตั้งใจในการนำเสนอผลงานของนางแล้วใช่ไหมคะ ยอมใจนางมาก)

Breakdown ได้ถูกสร้างสรรค์และกลั่นออกจากมันสมองของยอดอัจริยะทางดนตรีของโลกอีกคนหนึ่งนั่นก็คือ Sean “Puffy” Combs เจ้าเดิมที่เคยสร้างชื่อเสียงไว้กับ Honey มาแล้ว ร่วมด้วย Stevie J และตัวมารายห์เอง ในส่วนของดนตรีนั้นเรียกได้ว่าเป็นงานมาสเตอร์พีชชิ้นหนึ่งของมารายห์เลยทีเดียวเพราะ มันเป็นเพลงอาร์แอนด์บีชั้นยอดที่ทำขึ้นมาใหม่ปราศจากการแซมพลิ่งใดๆทั้งสิ้น เทคนิคการร้องกึ่งแรปที่กลายมาเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของมารายห์ก็เริ่มต้นจากเพลงนี้ และแน่นอนเอกลักษณ์การผสมเสียงหนึ่งและเสียงสองของมารายห์มันยังชวนให้น่าฟังอยู่เสมอ (ดิชั้นชอบใจตั้งแต่ Melt Away แล้วค่ะ ตอนแรกนึกว่านางเอาเสียงผู้ชายผิวสีมาร้องคู่ด้วย แต่ไม่ใช่เลย นั่นคือเทคนิคการร้องอันแพรวพราวเฉพาะตัวของนาง)

และนักร้องรับเชิญที่จะพูดถึงเสียไม่ได้ เพราะพวกเขาได้เติมเต็มให้เพลงนี้มัน Cool! มากขึ้น Krayzie Bone และ Wish Bone จากวงดนตรีแก๊งสต้าแรปสุดฮิฟ อย่าง Bone Thugs-n-Harmony (เพลงสุดฮิตของพวกเขาคือ the Crossroads และแน่นอนเพลงดังยุคหลังๆก็คือ Lil’Love ที่ได้มารายห์กลับไปร่วมงานด้วยอีกครั้ง) ซึ่งก็ถือว่าเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งของดนตรีเลยทีเดียวที่อลบั้มนึงจะรวมพลคนรักฮิพฮอฟไว้มากขนาดนี้ (ไม่มีชื่อในปกหลังแต่มีชื่อในปกในของเครดิต) ไล่ตั้งแต่ “Puffy” มาจนถึง Krayzie และ Wish Bone, Dru Hill กับเพลง the Beautiful Ones (และยังเป็นเพลงเก่าสุดคลาสสิคของ Prince อีกด้วย) ป้าอึ่ง Missy Elliot รวมไปถึง DaBrat เอากับแม่ซิ! จะขนมาทั้งวงการก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธนาง

แน่นอน มิวสิควีดีโอไม่ต้องพูดถึง มันคือหนึ่งในมิวสิคของมารายห์ที่เราชอบมากที่สุด โดยเฉพาะซีนฉากหลังที่เป็นผีเสื้อ จะบอกว่านี่แค่เป็นแค่โปรโมซิงเกิ้ลแค่นั้นนะยังลงทุนได้อลังค์การล้านแปดมาก (แอบเคืองอีค่ายเพลงแทนนางจริงๆ แหละ) แต่จะว่าไปใครที่เคยเป็นสมาชิกเวบมารายห์แคร์รี่ไทยแลนด์ดอทคอมและไปมีตติ้งกัน มีครั้งหนึ่ง ทางทีมงานได้ทำแผ่น Breakdown Limited Edition แจกสำหรับแฟนๆที่ไปมีตติ้งในคราวนั้นด้วย ถึงแม้จะเป็นของ Fan Made แต่ด้วย Booklet ที่สวยงาม และพริ้นท์สกรีนอย่างดี มันเลยทำให้ดิชั้นชอบและยังเก็บไว้อยู่จนถึงปัจจุบัน



- เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย -
ถ้าใครหูไม่ค่อยจะดีแนะนำให้หาหูฟังหรือลำโพงคู่ดีสักอันนึงแล้วเปิดอัลบั้มนี้ฟังจะรู้ว่า Breakdown มีช่วง Intro ต่อเนื่องมาจากเพลง Fourth of July นะจ๊ะ ลองเอียงหูฟังดีๆจะได้ยินเสียงนกกระจิบกระจาบหรีดริ่งเรไรท้ายเพลง Fourth of July ไล่มาจนถึงกลางๆ เพลง Breakdown เลยทีเดียว เลยไม่รู้ว่าเสียงนกกระจิบกระจาบนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเพลงอะไรกันแน่ ลองกลับไปฟังกันดูและช่วยวิเคราะห์ทีนะค่ะ ว่านัยยะของการนำซาวด์ตัวนี้มาใส่มันมีความหมายอะไรแอบแฝงหรือเปล่า หรือนางอาจจะได้แรงบันดาลใจจากเพลง Lovin’ You ของ Minnie Riperton มาก็ได้เนาะ

อัลบั้มเวอร์ชั่นและรีมิกซ์เวอร์ชั่นก็จะต่างกัน โดยในส่วนของเวอร์ชั่นรีมิกซ์จะเพิ่ม Layzie Bone มาแรฟเพิ่มอีกด้วยนะ
คหสต. (เชิงชิงชัง) พูดไปก็เหมือนกับเป็นการพูดให้ร้ายของนักร้องสาวนางนั้นอีกครั้ง เพราะอัลบั้มเดี่ยวเปิดตัวชุดแรกของนางก็เหมานักดนตรี และ Producer และทีมงานเก่าของมารายห์ไปแทบจะเรียกได้ว่าถอดแบบไปเลยก็ว่าได้ อย่างตา “Puffy” นี่ก็อีกคน ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตงานเพลงให้กับนักร้องสาวคนนั้น (เปลี่ยนชื่อเป็น Puff Daddy และ P.Diddy ในเวลาต่อมา) จนถึงขั้นลงหลักปักฐานกันเลยทีเดียว นี่ยังไม่รวมเพลงคัฟเวอร์ที่เอามาใส่ในอัลบั้มที่ออกไล่เรี่ยกันและเป็นเพลงเดียวกันด้วยนะ (แหม๋อะไรจะใจตรงกันขนาดนั้น) แต่นั่นมันคือธุรกิจของวงการเพลง เราเข้าใจ และเคารพซึ่งกันและกัน

Comments

Popular posts from this blog

"มารายห์" กล่าวถึง "มาดอนน่า"

ครั้งแรกของ โรเบิร์ต เดอ นีโร กับการร่วมงานกับผู้กำกับ แนนซี เมเยอร์ส ในหนังคอมเมดี้ The Intern

คาดการณ์ Set List คอนเสิร์ต Mariah Carey Live In Concert ที่ไทย