6 มิ.ย. 2559 ครบรอบ 16 ปี Can't Take That Away (Mariah 's Theme)

ครบรอบ 16 ปี Can't Take That Away (Mariah 's Theme)


เพลงที่มารายห์แต่งขึ้นเพื่อที่จะนำเสนอมุมมองของความเป็นซุปเปอร์สตาร์กับข่าวกอปสิปต่างๆนานาที่เกิดขึ้นกับเธอ มารายห์เขียนประชดพวกบรรดาสื่อและ hater ค่ะว่านางไม่แคร์ จะยืนหยัดในตนเองแบบนี้ต่อไป และเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แฟนเพลงของเธอรู้สึกแข็งแกร่ง ฮึกเหิม และเชิดใส่ปัญหาหรือข่าวเมาท์ต่างๆ โดยเธอใส่วงเล็บ Mariah's Theme ลงไปเพื่อจะทำให้มันเป็นเพลงชาติแสดงอัตตาของตัวเธอเอง

มารายห์แต่งเพลงนี้ร่วมกับ Diane Warren เจ้าแม่เพลงบิ๊กบัลลาด โดยการแนะนำผ่านจาก David Foster แต่ทว่าระหว่างการเขียนเพลง ทั้งสองคนต่างมีวิธีและแนวทางในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งไดแอนคิดว่าบาง verse ควรเอามาใช้ซ้ำ แต่มารายห์เลือกที่จะใช้คำหรือรูปประโยคใหม่แทนได้ ในด้านการผลิต ยังเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับคู่หูคู่ฮิตที่สร้างเพลงฮิตให้กับ Janet Jackson นั่นก็คือ Jimmy Jam & Terry Lewis ซึ่งมารายห์เลือกใช้บริการการผลิตเพลงบัลลาดและ R&B slow jam ทั้งหลาย แทน Walter Afanasieff ที่โบกมือลากันไป เนื่องด้วยทัศนคติทางดนตรีที่ไม่ตรงกัน (ซึ่งทั้ง Jimmy และ Terry ก็โดดมารับเป็น Executive Producer ในอัลบั้ม Glitter กับค่ายใหม่อีกด้วย)

เพลงนี้เกือบไม่ได้ตัดเป็นซิงเกิลแล้ว เพราะโซนี่ยุคสมัยนั้น ไม่เห็นด้วยที่จะนำมาโปรโมท เพราะเพลงมันไม่ได้ mass เลย ทางค่ายอยากได้เพลงที่มีจังหวะ ซึ่งทางมารายห์ก็งัดข้อไม่ยอมเหมือนกัน ทำให้เลยต้องพบกันครึ่งทางด้วยการตัดเป็น double a side ซิงเกิล คือมีเพลง Crybaby นำเพื่อโปรโมทได้ในวงกว้าง ซึ่งพอถึงเวลาทางค่ายก็ไม่ได้โปรโมทมากมายจริงจัง ทำให้ Crybaby ขึ้นสุดแค่อันดับที่ 28 โดยอาศัยยอดขายซิงเกิลเพียงลำพังอย่างเดียว

รอยร้าวของเธอและค่ายเพลงเริ่มชัดเจน เมื่อเพลงนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ดังจะเห็นได้จากการที่เธอส่งอัดข้อความไปหาแฟนเพลงทางเวบmcarey.com ในสมัยนั้นว่า "Basically, a lot of you know the political situation in my professional career is not positive. It's been really, really hard. I don't even know if this message is going to get to you because I don't know if they want you to hear this. I'm getting a lot of negative feedback from certain corporate people. But I am not willing to give up."

แค่เพียงเพราะมารายห์ต้องการให้แฟนๆได้ฟังเพลงนี้ แต่การณ์กลับเป็นตรงกันข้าม เธอกับ Columbia Record มีรอยร้าวกัน กอปรกับเนื้อหาของเพลงที่มารายห์อาจไม่ได้หมายถึงการโจมตีของนักข่าว และ hater ที่โจมตีเรื่องส่วนตัวของเธอ แต่มันหมายถึงความกดดันที่มีมาจากการหย่าร้างจากผู้บริหารค่ายอย่าง Tommy Mottola ซึ่งเธอเขียนเพลงนี้นัยหนึ่งเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจเธอกับสิ่งที่เธอต้องฝ่าฟันมามากมายกับค่ายเพลงนี้และการที่จะเป็นมารายห์ แครี่ย์ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ด้วยก็ได้

ถ้าเราข้ามโปรดักชั่นตัวเพลงที่ใช้ออเครสตร้า เครื่องสายนานา จนฟังดูธรรมดาไป แล้วมาพูดถึงรีมิกซ์เพลงนี้ ที่ได้ขาประจำอย่าง David Morales มามิกซ์ให้ ยิ่งโดยเฉพาะเวอร์ชั่น Revival Triumphant Mix ใน maxi-single (หน้าปกยูนิคอร์นฟรุ้งฟริ้ง ที่มาของการรีทัชจนบ้านเบี้ยว) ซึ่งมารายห์ยังด้นร้องขึ้นใหม่ด้วยเสียงแหบๆ ในยุคนั้น แล้วยิ่งทำเก๋ด้วยการเขียนเนื้อเพลงใหม่เสริมเข้าไปอีก ภาคดนตรีก็เป็นกึ่งแจ๊ซ กึ่งเต้น มีเสียงฮาร์โมนิก้าคลอไปทั้งเพลง ทำเอาถูกอกถูกใจแฟนๆเป็นยิ่งนัก

มารายห์ยังคงนำบทเพลงนี้กลับมาร้องในช่วงยุคหลังๆ ในปี 2012 ที่ Monaco และ Morocco ส่วนครั้งที่ได้ยินล่าสุดเป็นเวอร์ชั่นรีมิกซ์ เปิดตัวคอนเสิร์ตที่ออสเตรเลีย ในปี 2013 ก็หวังว่าจะได้ยินมารายห์ นำเพลงนี้กลับมาร้องอีกครั้ง เพราะยิ่งกว่า Hero ก็คงเป็น Can't Take That Away เพลงนี้ ที่เป็นตัวแทนความเป็นมารายห์ และ ลูกแกะได้ดีที่สุด

Comments

Popular posts from this blog

"มารายห์" กล่าวถึง "มาดอนน่า"

รีวิว อัลบั้ม CAUTION โดยคุณ ภูมิ โสภา

คาดการณ์ Set List คอนเสิร์ต Mariah Carey Live In Concert ที่ไทย