9 มีนาคม 2559 : สุขสันต์วันครบรอบ 20 ปี เพลง Always Be My Baby

สุขสันต์วันครบรอบ 20 ปี เพลง Always Be My Baby

หลังจากมารายห์ตัดสินใจที่จะผสมแนวเพลง R&B ให้เข้ากับภาพรวมในอัลบั้ม Daydream เธอก็นึกถึง Jermaine Dupri ขึ้นมา เพราะเธอชอบเพลง Jump ที่ JD ทำให้กับวง Kriss Kross เป็นอย่างมาก (อันดับ 1 ในอเมริกาถึง 8 สัปดาห์ในปี 1992) และช่วงนั้น JD ก็โด่งดังมากกับสังกัดเพลง So So Def

มารายห์พูดถึงกระบวนการเกิดเพลงนี้ขึ้นมาว่า เริ่มจากสร้างจังหวะกลองขึ้นมา และได้มือคีย์บอร์ดอย่าง Manuel Seal ช่วยแกะเมโลดี้ที่มารายห์ฮัมขึ้นมา จึงเริ่มเขียนเนื้อเพลงขึ้นมาภายหลัง
ความดีงามของ remix เพลงนี้ทั้งเรกเก้ และ r&b ก็นำมาซึ่งความสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในการเปลี่ยนเมโลดี้และบีทเพลงให้มีความละมุนนีและมีความหลากหลายให้เลือกฟัง อีกทั้ง house music ก็ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็มันเก๋ไก๋ซะเหลือเกินเมื่อเธอรื้อทำโครงใหม่ ทั้งอิมโพรไวส์ใหม่จนจำต้นฉบับแทบไม่ได้ (นิตยสาร POP ยังเคยชื่นชมถึงข้อดีจุดนี้ด้วย)

ในเวลาต่อมา "Always Be My Baby" ก็ขึ้นชาร์ทที่อันดับ 1 ด้วยยอดการเปิดอากาศ (airplay) ทางวิทยุมากที่สุดในอเมริกาในปี 1996 และนับเป็นเพลงอันดับ 1 เพลงที่ 11 ของเธอเทียบเท่า มาดอนน่า และวิทนี่ย์ (ในยุคนั้น) ด้านยอดขายซิงเกิลก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน เมื่อขายไปได้ถึง 1.254 ล้านก๊อปปี้ นี่ยังไม่นับรวม format ดิจิทัล ซึ่งสูงถึง 890,000 ยูนิตอีกด้วย


มารายห์ยังคงสำทับความสำเร็จของเพลงนี้ในอัลบั้ม #1 to Infinity อีกครั้งด้วยว่า ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายต่อหลายปี เพลงนี้ก็ได้พิสูจน์ด้วยตัวมันเองว่าได้ก้าวข้ามผ่านเวลามาแล้ว และมารายห์ก็ปลื้มใจทุกครั้งที่แฟนๆ และผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ และมีส่วนร่วมกับเธอทุกครั้งเวลาที่เธอเล่นสดเพลงๆ นี้


ไม่น่าเชื่อว่าเพลงนี้มาผ่านมานานถึง 20 ปี ทุกวันนี้ฟัง ยังไม่เคยรู้สึกถึงความเก่าเลย 

-------------------------

It never ceases to amaze me how the audience responds to this song when I sing it live. It is such a feel good record and the audience really loves to participate with me. It still sounds so good when I hear it on the radio. I think it really stands the test of time.