Glitter ในเสียงดนตรี เธอค้นพบความฝัน ความรัก และตัวตนที่แท้จริงของเธอ
เราอาจเห็นเส้นทางความสำเร็จของ Glitter ได้ชัดกว่านี้หากว่ามารายห์ตัดสินใจไม่เลื่อนโครงการหนังและเพลงประกอบที่มีแผนวางไว้มาตั้งแต่ช่วงปี 1997 ซึ่งก็เป็นช่วงที่มารายห์มีปัญหาภายในกับทอมมี่ เพื่อที่มารายห์เองจะได้มีเวลาทำผลงานอีก 2-3 อัลบั้มเพื่อสิ้นสุดภาระหนี้จากสัญญากับทางโซนี่ไปพลางก่อน และเพื่อหลังจากนี้ที่มารายห์เองจะได้กำกับควบคุมทิศทางของอัลบั้มได้โดยปราศจากอิทธิพลของทอมมี่ที่มีอยู่ในค่ายโซนี่มิวสิค
สิ่งที่ทอมมี่กลัวว่ามารายห์จะทำได้สำเร็จคือศาสตร์การแสดงที่จะช่วยตอกย้ำให้ทอมมี่ต้องเจ็บใจว่าเมื่อมารายห์หลุดพ้นจากการครอบงำของตัวเขาแล้ว มารายห์สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวของมารายห์เองโดยไม่ต้องพึ่งพาสายป่านของเขาที่มีอยู่อย่างโยงใยไม่แม้กระทั่งคลื่นวิทยุ ร้านขายซีดี หรือค่ายหนังก็ตาม
ด้วยโทสะของทอมมี่ที่มารายห์ริกบฏต่อตัวเขาและต้องการหลุดพ้นจากการทำเม็ดเงินให้กับโซนี่ ทำให้ทอมมี่ทำทุกวิถีทางที่จะสกัดฝันของมารายห์ไม่ให้เป็นดาวฤกษ์จรัสแสงด้วยตัวของดาวเอง ทั้งการส่งลูกสมุนไปเอาภาพโปรโมทหรือสแตนดี้ที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ออกไป หรือการติดต่อไปใช้งานโปรดิวเซอร์เพื่อดักทางมารายห์ ทำให้มารายห์ต้องรื้อเพลงทำใหม่ ดังที่เราทราบเหตุการณ์กันดี
ทอมมี่จะยังไม่ยุติจนกว่าโมหะของเขาจะคลี่คลายเมื่อได้เห็นมารายห์ล้มเหลว หากว่ามารายห์ประสบความสำเร็จกับ Gliiter หลังจากที่ไม่มีตัวเขากำหนดแล้ว นั่นจะเป็นการตอกย้ำว่าตัวเขาไม่มีอำนาจ ไม่มีพลังเวทมนตร์ใดๆ และไม่จำเป็นว่าอิทธิพลของเขาจะส่งผลใดในวงการเพลงอีกต่อไป
ภายหลังออกจากคฤหาสน์ Sing Sing แล้ว ทำให้มารายห์ต้องมองหาที่พำนักใหม่เป็นการถาวร ดีกว่าเสียค่าโรงแรมแพงๆ มารายห์จึงได้ตัดสินใจซื้ออพาร์ทเมนต์ โดยรอตกแต่งไปด้วยระหว่างที่กำลังทุ่มสรรพกำลังในการโปรโมท Glitter ซึ่งตอนนี้ไม่มีมืออาชีพรายล้อมรอบตัวเธออีกแล้ว เนื่องจาก Virgin เป็นค่ายเพลงขนาดกลางที่ยังไม่แน่นในเรื่องการบริหารศิลปิน การวางกลยุทธ์และกำหนดแผนงานทางการตลาดในวงการเพลงเมื่อเทียบกับโซนี่ ซึ่งมารายห์ต้องรับหน้าที่ในจัดการและบริหารตารางงานทั้งงานเพลงและงานหนังไปด้วยเป็นสองเท่าของคนที่ทำงานปกติ ทำให้มารายห์ขาดการพักผ่อนนอนหลับจากตารางงานที่ยุ่งเหยิง ขาดการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการและไม่ตรงมื้อ ร่างกายเหนื่อยล้าไม่แข็งแรงเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย และที่สำคัญคือขาดการทำนุถนอมเสียง ซึ่งมารายห์ต้องใช้ในการตอบให้สัมภาษณ์ทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์
ค่ายเพลง Virgin Records เกิดความไม่พอใจมากที่พบว่า Loverboy ไม่ได้เป็นเพลงฮิตเพลงดัง เป็น Smash hit เหมือนที่กะการณ์เอาไว้ ดังนั้นเมื่อ Virgin เห็นว่า Loverboy ในขณะนั้นที่ดูแล้วไม่น่าจะไปได้สวย จึงเร่งให้มารายห์มาถ่ายทำ MV เพลง Never Too Far แทน ซึ่งในขณะเวลาดังกล่าวมารายห์เพิ่งถ่ายทำ MV Loverboy ที่ยกกองไปถ่ายแถบทะเลทราย ซึ่งอากาศแห้งและร้อนมาก เป็นที่แล้วเสร็จ มารายห์ต้องการเวลาพักฟื้นจากไอแดดที่แผดมาส่งผลตามร่างกาย นั่นทำให้มารายห์ยังไม่พร้อมที่จะถ่ายทำ MV ตัวต่อไป มารายห์ต้องการเวลาพักฟื้นอย่างน้อย 3-4 วันในแต่ละงานที่ต้องถ่ายทำกันหนักๆ ถึงแม้มารายห์จะเสนอให้ใช้ฟุตเตจจากในหนังที่มารายห์แสดงเพลงนี้ไปก่อน เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัว แต่นั่นก็ไม่เป็นที่รับฟังได้ของแผนกบริหารศิลปินของทางค่าย ที่ต้องการให้มารายห์บินมาในวันถัดไปทันที...
Virgin ต้องการงานจากมารายห์มาป้อน และมาหล่อเลี้ยง เพื่อให้คุ้มค่าราคาเงินที่จ้างไปในสัญญา แต่รอบข้างมารายห์ไม่มีคนใดที่จะช่วยเป็นตัวแทนเจรจาให้เธอถึงการชี้แจงต่อทางค่ายถึงข้อจำกัดของศิลปินหรือวิธีการปฏิบัติงานที่เหมาะสมได้เลย ด้วยปริมาณความเครียดที่สะสมจากหลายต่อหลายเหตุการณ์ ความผิดหวังจากลูกจ้างที่ได้รับเงินเดือนจากเธอโดยตรงไม่เป็นธุระจัดการให้เธอได้ตามที่ควร และการเร่งเร้าจากค่ายเพลงที่โทรมาตามเธอถึงที่พัก ทำให้มารายห์เกิดความวิตกและรู้สึกไม่ปลอดภัย คิดว่าเป็นทอมมี่ส่งคนมากลั่นแกล้ง คุกคามเธออีก มารายห์จึงมองหาใครสักคนที่น่าจะพึ่งพาได้ คนที่เห็นเธอเป็นเธอ ไม่ใช่แหล่งผลิตเงิน มารายห์จึงนึกถึง Maryann Tatum (หรือมารายห์เรียกชื่อเล่นว่า Tots ซึ่งเป็นแบ๊คอัพให้มารายห์มาตั้งแต่อัลบั้ม Butterfly จนถึงปัจจุบัน) และได้ไปหลบอยู่ที่ที่พักของแมรี่แอนอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งทาง Virgin ก็ตามรอยมารายห์จนได้อีก มารายห์จึงต้องเปิดโรงแรมแห่งหนึ่งใกล้ๆกับที่พักแทน เพื่อจะได้ไม่มีคนมาก่อกวนการนอนหลับยาวๆ เต็มที่ แต่มารายห์ก็ลืมตระเตรียมกับผู้ดูแลโรงแรมก่อนว่าไม่ให้บอกใครว่ามารายห์ แครี่ย์มาอยู่ที่นี่เวลานี้ นั่นทำให้เจ้าหน้าที่แผนกบริหารศิลปินตามรอยมารายห์มาได้ และมาพร้อมกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอในเวลานั้น คนที่มาจากครอบครัวเจ้าปัญหา แม่และมอร์แกน พี่ชายของนางเอง...ที่มาตามหาตัวมารายห์ บีบคั้นและดึงดันเพื่อให้มารายห์กลับไปทำงาน เป็นตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่ ผลิตเงินทองให้ครอบครัวใช้จ่ายต่อไป จนเป็นที่มาของเหตุการณ์ Physical and Emotional Breakdown ซึ่งเกิดจากการบีบคั้น ความตึงเครียดและขาดการใส่ใจในสุขภาพ ดังที่เราเคยทราบกันมา ทำให้มารายห์แตกหักกับคนที่เธอจะเรียกต่อไปว่าเป็นเพียงอดีตพี่ชาย และโกรธแม่ไปอยู่ระยะหนึ่ง จนใช้การเรียกแม่แทนว่า Pat แทน
ภายหลังจากการบำบัดและพักฟื้น แมรี่แอนชักชวนมารายห์ให้ไปภาวนากับเธอที่โบสถ์ True Worship ที่มารายห์ได้ใช้หนทางทางศาสนาเยียวยาและชะล้างจิตวิญญาณ ศึกษาคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างจริงจัง และได้พบกับสาธุคุณ Keaton ซึ่งเป็นครูและศาสนาจารย์ อันเป็นที่มาของเพลง Fly Like A Bird ที่ว่าด้วยการเชื่อมั่นในพระเจ้า และ I Wish You Well ที่ว่าด้วยการให้อภัยต่อบุคคลและสรรพสัตว์..
จากเหตุการณ์ทั้งหลาย สุดท้ายแล้ว Loverboy นั้น มารายห์ก็มองว่ามันก็เป็นแค่เพลงประกอบภาพยนตร์ ไม่ใช่เพลงที่เป็น Studio album จริงๆ และกับอันดับสองบน Hot 100 นั่นก็น่าจะเป็นผลงานที่ยอมรับได้แล้วไม่ใช่หรือ...
แน่นอนว่าถึงแม้ว่าจังหวะเวลาของการผลิตเพลงซึ่งมีอิทธิพลจากยุค 80's จะยังไม่ถูกที่ถูกทางในต้นยุค 00's แต่มารายห์ก็เชื่อว่าผลงานชิ้นนี้มันล้ำหน้าล้ำยุคสมัยด้วยตัวของมันเอง และมารายห์ก็รักในผลงานอัลบั้มชุดนี้มาก แต่มารายห์ไม่กล้าที่จะนำมาแสดงบนเวทีเลย จนกระทั่งแฟนๆมอบความเชื่อมั่นและความรักที่มีต่ออัลบั้มชุดนี้ให้เธออย่างสม่ำเสมอในช่วงระยะเวลาหลังๆนี้ เราจึงจะเห็นว่าในมารายห์นำเพลง Loverboy มาร้องเล่นใน Sweet Sweet Fantasy บ้าง หรือจากการระดมพลังกันของแฟนๆที่คิดโปรเจค #JusticeForGlitter ที่นัดหมายกันกดซื้อดิจิตัลอัลบั้ม ผลักดันให้อัลบั้มนี้มีที่ยืนได้อย่างสมสง่าทรงคุณค่าอีกครั้งในปี 2018 และมารายห์ก็มอบของขวัญให้เราใน The Rarities ให้อีกไม่ว่าจะเพลง Out Here on My Own และต้นตำรับของเพลง Loverboy ที่ใช้ทำนองจากเพลง Firecracker ที่ช่วยฮีลใจให้เอฟซีในสถานการณ์โควิด
และใดๆ คือ Firecracker กับ Candy จาก Loverboy ก็กลายมาเป็นมุข เป็นมีม หรือบริบทที่พูดขึ้นมาเมื่อไรก็รู้เลยว่าอันไหนคือ Original อันไหนคือของที่ทำตามต่อกันมาจากต้นฉบับอีกที
I'm Real.
ที่มาส่วนหนึ่งจากหนังสือ The Meaning of Mariah Carey. Part III All That Glitters. Page 227-269.
Comments
Post a Comment