The Latin Elvis



มารายห์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าบุคคลใดที่เคยมีความหมายกับเธอ ไม่ว่าจะในช่วงเวลาใดในชีวิตก็ตาม ก็จะได้รับการพูดถึงไว้ในหนังสือ The Meaning of Mariah Carey เล่มนี้ ส่วนบุคคลใดที่ไม่มีความหมายหรือมีเรื่องราวสำคัญต่อชีวิต ก็จะไม่นำมาพิจารณาให้เอ่ยถึง

และบุคคลหนึ่งที่ได้รับเกียรติในการจารึกลงหนังสือของมารายห์ โดยมารายห์เขียนขึ้นมาแยกไว้ในบทหนึ่ง นั่นคือ Luis Miguel ที่มารายห์บรรยายว่าเป็นเอลวิส แห่งชนชาติละติน และเร็วๆ นี้ Netflix ก็จะมีการทำซีรี่ย์อิงจากประวัติของ Luis และแน่นอนว่าต้องมีช่วงหนึ่งที่ต้องมีผู้รับบทแสดงเป็นมารายห์ในวัย 29 สาวกระดังงาลนไฟในขณะนั้นมาถ่ายทอดบทบาทดังที่เราทราบจากข่าวแล้ว
มาเรียนรู้ที่มาว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้รู้จักกันและทำไมถึงได้เลิกรากัน ในขณะที่มีเพลงสื่อรักแทนใจ Thank God I Found You ที่มารายห์บรรจงแต่งขึ้นมาในระหว่างที่สองคนนี้คบหาดูใจกัน เกิดอะไรขึ้นภายใน 3 หน้าที่มารายห์พูดถึงแทรกขึ้นมาสั้นๆ ในหนังสือ The Meaning of Mariah Carey. Part IV Emancipation ; Chapter: The Latin Elvis, หน้า 283-285.
....
เป็นที่เราทราบกันดีว่ามารายห์มักจะใช้เวลาช่วงปลายปีในเทศกาลคริสต์มาสในเมือง Aspen และมักจะพาชายหนุ่มที่มารายห์คบหาดูใจและเพื่อนฝูงไปใช้เวลาวันหยุดกันที่เมืองนี้ เช่น Nick Cannon, Brian Tanaka เป็นต้น ในครั้งนั้น ผู้ดูแลบ้านเช่าของมารายห์ใน Aspen ได้นึกสนุกหากิจกรรมสันทนาการให้มารายห์ทำด้วยการสร้างกิจกรรมนัดบอด (blind date) กับสุภาพบุรุษคนหนึ่งให้มารายห์คลายความเปลี่ยวเหงาของกายสาว ซึ่งบุคคลผู้โชคดีคนนั้นในเวลาต่อมาก็เป็นที่รู้จักกันในวงการเพลงละติน นั่นคือ Luis Miguel
มารายห์เลือกเปิดไฟและเทคมีเอ้าท์ไปกับ Luis ครั้งแรกที่ร้านอาหาร แต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน ก็ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่โรแมนติกเท่าใดนัก เนื่องจาก Luis ดื่มหนักและเมามาก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มารายห์เปลี่ยนความสนใจน้อยลงไปเลยเพราะว่าบุคลิกองค์รวมของ Luis ถือว่าตอบโจทย์ มีเสน่ห์หนุ่มบางอย่างที่ชวนน่าลุ่มหลง และอยากลองผจญภัยไปในเกมปริศนารักครั้งนี้อยู่ไม่น้อย ด้วยมารายห์เป็นคนที่ใส่ใจในคนที่อยู่ตรงหน้า มารายห์จึงเข้าไปจัดแจงผมเผ้าให้ Luis ให้ดูเป็นทรง เหมือนที่ครั้งหนึ่งเธอเคยทำให้กับทอมมี่ในขณะที่ยังเป็นสามีภรรยากัน ด้วยวิชาและมารยาที่ร่ำเรียนมาสมัยวัยรุ่นในการจัดแต่งทรงผมและบริหารเสน่ห์ให้ตัวเอง
หลังจากมื้ออาหารและเครื่องดื่มที่ซดกันไปหลายแก้วแล้ว ปรากฎว่ามารายห์ต้องไปตามมาให้ Shawn (ญาติผู้พี่ของมารายห์) มาช่วยหิ้วปีก Luis กลับห้อง เนื่องจากเขาเมามาก ด้วยประทับใจในความเอาใจใส่ของมารายห์นั้น อีกวันหนึ่ง ผู้ช่วยของ Luis จึงได้มาพบมารายห์และมอบสร้อยเพชรของ Bulgari ไว้เป็นของกำนัล นัยว่าเป็นสื่อรักชิ้นแรกที่จะสานต่อความรักกัน (แหมผู้หญิงสวยก็ต้องคู่กับเพชรเป็นเรื่องธรรมดา) แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงก็รู้ทันกลอุบายของชายหนุ่มไม่น้อย ใน Aspen มีร้านเพชรอยู่มากมาย ไม่ยากหรอกที่จะไปหามาเมื่อไรก็ได้ เขาอาจจะหว่านเสน่ห์ไปกับผู้หญิงคนอื่นๆอีกก็ได้ ว่าแล้วก็สืบประวัติดูสิว่าเขาเคยคบหาใครมาบ้าง ก่อนหน้านี้ Luis เคยคบหาสาวละตินอยู่สองสามคน อาทิ Salma Hayek (นักแสดงสาวจาก Wild Wild West) เป็นต้น ไม่ช้ามารายห์ก็เข้าใจดีเลยว่านี่แหละสไตล์การเทคแคร์ของหนุ่ม Latin Lover เขาล่ะ
มารายห์ยังพบว่า Luis มีความน่าค้นหาและมีอะไรที่ผาดโผน มีพลังงานบางอย่างที่ดึงดูดเข้าหากันอาจเพราะทั้งคู่เกิดราศีเมษราศีเดียวกัน Luis ยังเป็นคนที่โรแมนติกและไม่ดูประดิดประดอย ทั้งคู่ชอบเหมือนกันคือชอบเสี่ยงชอบผจญภัย ชอบออกท่องเที่ยว โลดโผนโจนทะยานไปที่นั่นที่นี่ ครั้งหนึ่งทั้งสองไปเที่ยวกันที่เมกซิโก ซึ่ง Luis มีบ้านพักอยู่ริมหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีฝูงนกฟามิงโก้สีชมพูหากินอยู่บริเวณนั้นด้วย มารายห์บรรยายว่าบ้านนี้มีความโอ่โถง ทั้งเรือนสร้างจากไม้ชั้นดี ช่วงที่ทั้งสองทานอาหารกัน จะมีวงดนตรีพื้นเมืองขับกล่อมไปภายใต้บรรยากาศยามสนธยา กิจกรรมหนึ่งที่มารายห์ชอบคือลงเล่นน้ำสระใหญ่ๆ กับแจ๊ค สุนัขที่มารายห์มักจะพาไปด้วยถึงไหนถึงกัน มารายห์เสมือนหนึ่งคุณนายของบ้านหลังนี้ เพราะลูกน้องทุกคนของ Luis ปฏิบัติต่อมารายห์ดีมาก และเทิดทูนนายจ้างประดุจพระเจ้า เพราะ Luis มีความเมตตาต่อพนักงานทุกๆคน
ในช่วงรอยต่อเทศกาลคริสต์มาสปี 1999 ไปถึงปีใหม่ 2000 มารายห์ได้ของขวัญจาก Luis เป็นอ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่ทำจากวัสดุอย่างดี ลงแช่ดำผุดดำว่ายกับแฟนหนุ่มผ่านคืนข้ามปีไปด้วยกันอย่างมีความสุข ความโรแมนติกในเทศกาลอื่นๆ ของ Luis ก็ยังมีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีการทำเซอร์ไพรส์มารายห์บนเครื่องบินที่ประดับด้วยกุหลาบเต็มคันเครื่อง ความน่ารักของ Luis ได้ปลุกความเยาว์วัยซาบซ่านประหนึ่งสาวสิบสองขึ้นมาเหมือนในหนังก็ไม่ปาน
แต่อุปสรรคมักก่อให้รักบังเกิดฉันใด ก็เป็นการสร้างรอยร้าวรอยแรกขึ้นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นปัจจัยทางด้านสังคมของทั้งสอง ถึงแม้ว่าต่างจะมีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่ แต่ Luis ก็เป็นผู้ชายที่มีความหยุมหยิมอยู่ไม่น้อย สังคมเพื่อนของทั้งคู่ก็แตกต่างกัน เพื่อนของ Luis จะเป็นไปในลักษณะอนุรักษ์นิยม จริงจังต่อชีวิต ตึงเครียด แต่หมู่เพื่อนของมารายห์จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม อย่าง Brett Ratner, Trey Lorenz ซึ่งมีความตลกโปกฮา สร้างสีสันอยู่ตลอด และยิ่งมีเรื่องปัจจัยทางชนชาติเข้ามาเกี่ยวพัน ยิ่งทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นมา เพราะด้วยผิวขาวสวยของมารายห์ ทำให้ Luis ไม่ได้มองมารายห์เป็นเหมือนคนผิวสีอื่นๆ ถึงแม้มารายห์จะยืนยันว่าบิดาของเธอเป็นคนผิวสี เพราะฉะนั้นต้องยอมรับว่าเธอก็เป็นคนผิวสีคนหนึ่ง การโต้เถียงกันในประเด็นนี้ทำให้มารายห์รู้สึกว่าเป็นประเด็นที่ซับซ้อน เพราะ Luis เองแล้วนั้น อยากจะไปกันต่อกับคนเชื้อชาติใกล้ๆกัน แต่ด้วยทัศนคติของตัวเขาที่มองว่ามารายห์เป็นอเมริกันผิวขาวมากเกินไป
ถึงแม้ทั้งคู่จะใช้ชีวิตท่ามกลางแสงสี แต่ก็เป็นไปในทิศทางคนละขั้ว ต้องยอมรับว่า Luis มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่คนละติน แต่เมื่อมาอยู่ในอเมริกา เขาเป็นคนที่แทบไม่มีใครรู้จักเลย มารายห์บรรยายว่าลึกๆแล้วเขาเป็นคนที่น่าสงสาร ต้องสูญเสียมารดาแต่ยังเล็ก อาศัยกับบิดาที่เข้มงวด ทำให้ตัวเขาเองเป็นคนมีปม มารายห์เข้าใจถึงจุดนี้จึงพยายามปลอบประโลม เห็นอกเห็นใจมาโดยตลอด แต่มารายห์ก็ได้พยายามยื้อไว้จนถึงที่สุด แต่ต่อให้ถึงแม้จะพยายามฉุดยื้อไว้เพียงใด แต่ถ้าใครคนหนึ่งยังทำตัวเหมือนเคยๆ โดยที่อีกฝ่ายพยายามเยียวยาแล้ว ก็ใช่ว่าคำว่ารักจะพอช่วยอะไรได้
ในส่วนที่ดีของ Luis นั้น มารายห์พึงเลือกเก็บความประทับใจไว้ นั่นคือ ความมีเมตตา ความเป็นธรรมชาติ และเสน่ห์ที่ไม่ได้ปรุงแต่งของตัว Luis เอง แต่ในข้อเสียก็มีมิใช่น้อย อาทิ ความไม่อยู่กับร่องกับรอยในบางจังหวะ ความหม่นหมอง ตึงเครียดที่มักจะฉายปรากฏออกมาให้เห็น ประดุจเมฆครึ้มดำที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขาเอง
ภายหลังจากสามปีที่คบหากัน ก็มาถึงเวลาที่ต้องบอกลาจากกันด้วยความเข้าใจ มารายห์ยังคงบันทึกความประทับใจและช่วงเวลาดีๆ ที่ทั้งสองเคยมีต่อกันไว้ในความทรงจำ แต่คนที่ไม่ใช่ ต่อให้พยายามอย่างไรก็คือไม่ใช่....
"คิดถึงเธอแต่หัวค่ำจนอุษาสาง
นึกปล่อยวางทำทุกทางให้เกิดผล
ยังหวนนึกเรื่องร้ายดีหวานขมปน
มิอาจทนด้วยใจคิดจิตคะนึง"
-Crybaby-
เรื่องจึงเอวังด้วยประการฉะนี้

Comments

Popular posts from this blog

"มารายห์" กล่าวถึง "มาดอนน่า"

รีวิว อัลบั้ม CAUTION โดยคุณ ภูมิ โสภา

ครั้งแรกของ โรเบิร์ต เดอ นีโร กับการร่วมงานกับผู้กำกับ แนนซี เมเยอร์ส ในหนังคอมเมดี้ The Intern