Make It Happen #สู้เค้าสิวะอีหญิง
เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของความลำเค็ญกว่าจะมาเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการอาร์แอนด์บี ต้องผ่านอุปสรรคและความลำบากใดบ้างในช่วงเริ่มต้นของอาชีพศิลปินนักร้อง
อรรถสาระส่วนหนึ่งจากหนังสือ The Meaning of Mariah Carey. Chapter 2 Sing. Sing. ; Part: Make It Happen, หน้า 108-113.
ภายใต้ความลำบากของชีวิตวัยรุ่นและความวุ่นวายของครอบครัว มารายห์ย้ายจากบ้านแม่ เพื่อตามหาฝัน มาพำนักอาศัยที่อพาร์ตเมนต์ในนิวยอร์คของมอร์แกน พี่ชายของมารายห์ ซึ่งในตอนนั้นมอร์แกนไปตามหาความฝันเพื่อเป็นนายแบบที่อิตาลี อพาร์ตเมนต์ของมอร์แกนตั้งอยู่บนภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง มารายห์ต้องทำหน้าที่ให้อาหารน้องแมวสองตัวของมอร์แกน และในขณะเดียวกันก็ต้องหาอาหารเพื่อประทังชีพให้กับตัวเองด้วย ซึ่งการจะได้รับประทานอาหารหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสตางค์ในเวลานั้นด้วยว่าจะเอาไปซื้อขนมปังเบเกิลดี หรือว่าจะเก็บไว้เป็นเงินค่าตั๋วสำหรับเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินดี
มารายห์ต้องจำกัดจำเขี่ยการใช้เงินแต่ละดอลลาร์ในแต่ละวัน ต้องเลือกเอาว่าจะไว้เป็นขนมปังสำหรับมื้อเช้า หรือเอาไว้เป็นค่าเดินทางดี ขนมปังเบเกิลที่มารายห์โปรดคือยี่ห้อ H&H ซึ่งมารายห์บรรยายไว้ว่าทั้งละมุนนุ่ม อวบอิ่มและเลอเลิศที่สุด เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำให้อยู่ท้องไปทั้งวันจนถึงบ่ายสาม ทว่าการใช้เงินเป็นค่าเดินทางก็เป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างกัน การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในนิวยอร์คแม้จะขลุกขลักไปเสียหน่อยแต่เส้นทางก็เชื่อมต่อไปถึงหลายจุดในเมือง ดีกว่าใช้พลังงานในการเดินเท้าไป
ในเมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ก็ต้องหางานทำ มารายห์เปิดหางานในหนังสือพิมพ์เพื่อหาตำแหน่งงานว่าง จนได้งานเป็นพนักงานประจำบาร์ชื่อ Sports on Broadway ในตำแหน่งสาวเสิร์ฟ แต่ด้วยอายุที่ยังไม่ถึงในการปฏิบัติหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่ม มารายห์ต้องย้ายไปประจำในตำแหน่งพนักงานคิดเงินแทน แต่งานหน้าที่นี้เป็นงานที่มารายห์ก็ไม่ถนัด มารายห์ยังเปรียบเทียบว่าการอัดเสียงคอรัสในสตูดิโอยังจะดูง่ายเสียกว่า ในที่สุดมารายห์ก็ได้ย้ายไปประจำในตำแหน่งรับฝากเสื้อลูกค้าแทน (จุดรับฝากของในบาร์) มารายห์จะได้รับเงิน 1 ดอลลาร์ต่อการฝากเสื้อโค้ต 1 ตัว และไม่ได้รับอนุญาตให้รับทิปจากลูกค้าด้วย มารายห์รู้ดีว่ามันไม่แฟร์ แต่เธอก็ต้องอดทนเป็นการชั่วคราว จนกระทั่งบาร์ได้ทำการปรับเปลี่ยนจุดให้บริการนี้ มาเป็นจุดขายของที่ระลึกแทน ด้วยลุ้ยสาวเสื้อยืดกางเกงยีนส์ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มประจำจุดนี้ แต่กระนั้นมารายห์ก็ยังมีใส่แค่ยีนส์ตัวเก่งชุดประจำของเธอเพียงชุดเดียว เพราะว่ามารายห์ไม่มีสตางค์พอที่จะซื้อกางเกงยีนส์ตัวใหม่ได้เลย
"มาจะกล่าวบทถึงเจ้าเยาวมาลย์
ลำเค็ญนานทุกข์เศร้าแลเปล่าเปลี่ยว
ไร้ที่พึ่งต้องสู้งานตัวเป็นเกลียว
ด้วยคนเดียวเพียงลำพังแม้ขลาดกลัว
ถึงลำบากยากเข็ญเงินไม่คล่อง
ต้องประคองมื้อต่อมื้อไว้เลี้ยงตัว
ซ้ำยังขาดอาภรณ์ใหม่เท้าจรดหัว
น้ำตาทั่วท่วมหน้าฝืนหลับไป"
อันถนิมพิมพาภรณ์ของมารายห์นั้นก็มีอย่างจำกัดจำเขี่ย แม้แต่รองเท้าก็ยังต้องใส่คู่ที่เล็กกว่าขนาดเท้าจริงถึง 1 ขนาดครึ่ง เป็นรองเท้าบู้ตทำจากหนังที่ได้รับมาใส่ต่อจากแม่ของมารายห์อีกที เป็นชิ้นเดียวที่จบครบ สารพัดประโยชน์ในการใส่ทำงานและเดินทาง ถึงแม้ว่าหน้าเท้าจะหลุดร่อนออกเปิดออกมาตามอายุการใช้งานแล้วนั้น มารายห์ก็ต้องใส่ให้มันเดินตบตามท้องถนนไปด้วยความจำนนต่อชะตา ยิ่งช่วงใดที่หิมะตก ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมาน ไอเย็นจะทะลุเข้ามาตามรอยเปิดขาดของรองเท้า เนื้อหิมะที่กระเด็นเข้ามาตามรอยแยกก็จะละลาย กัดเนื้อเท้าของแม่นวลฉวี อีกทั้งยังสร้างความอับชื้นไปทั่วทั้งบาทาจนถึงข้อเท้าของมารายห์ ยิ่งในปีนั้นเป็นปีที่หิมะตกมากปีหนึ่ง มารายห์ได้แต่ฝืนชะตา กอดกระชับกับตัวเอง บอกตัวเองว่าต้องสู้ต่อไป ทำงานต่อไป โดยหวังเพียงว่าจะไม่มีใครก้มมามองรองเท้าของเธอที่ปรุขาดจากชะตากรรมของตน มารายห์ผ่านความอัปยศอดสูในเมืองนี้วันแล้ววันเล่า เฝ้าแต่หวังว่าวันหนึ่งจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับเธอ
มารายห์ยังคงแน่วแน่มั่นคงกับความเชื่อของเธอ โชคดีที่รอบกายเธอยังได้เจอคนแสนดีที่น่ารักกับเธออยู่บ้าง หนึ่งในนั้นเป็นพ่อครัวของบาร์ เขาชื่อว่า ชาร์ลสฺ ซึ่งมักจะทำชีสเบอร์เกอร์ ทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย ถึงแม้มันจะไม่หรูหรานัก แต่มารายห์ก็ยังพอประคองตัวไปได้ด้วยสองมือสองเท้า และเสื้อผ้าเก่าๆของเธอ กับเงินไม่กี่้เหรียญในแต่ละวัน มารายห์เชื่อว่าเธอจะผ่านไปได้ทุกวัน ด้วยแรงศรัทธาและแรงอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า ที่ไม่ได้ทำให้เธอย่อท้อหรือเลิกราไปเสียก่อน
"อุปสรรคความลำบากพิสูจน์คน
เพียงยกตนหาญท้าไม่อ่อนท้อ
เผชิญหน้าต่อปัญหาไม่ย่นย่อ
ไม่รีรอก้าวเดินต่ออย่างมั่นใจ
สักวันหนึ่งเธอจะพบกับคำตอบ
ที่สุดขอบหนทางที่สงสัย
ฉันเคยผ่านมาแล้วแค่สู้ไป
ไม่ว่าใครก็ผ่านได้แค่อดทน"
ถึงแม้งานในบาร์จะโหดร้าย แต่มารายห์ก็ทุ่มเงินที่เก็บหอมรอมริบมาเพื่อลงทุนไปกับเดโมเทป ต้องประคองตัวด้วยการอดมื้อกินมื้อ ทานเศษอาหารเหลือๆจากในครัว จนกระทั่งเธอได้พบกับคาริสสา แฟนเก่าของเพื่อนพี่ชายเธอ ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันดีในอดีต คาริสสาจึงได้ชักชวนให้มารายห์มาทำเพลงที่ห้องของเธอซึ่งมีอุปกรณ์สำหรับบันทึกเสียงอยู่ เพื่อเป็นการประหยัดค่าเดินทาง มารายห์จึงต้องค้างคืนในมุมเล็กๆของห้องครัว ซึ่งเธอต้องนอนคุดคู้ตัวด้วยหมอนกับผ้าห่ม ต้องระวังไม่ให้หัวไปชนกับผนังหรือมุมใดมุมหนึ่งของซอกเล็กๆในครัว แม้มันจะไม่สบายตัวนักก็ตาม และยังต้องร่วมห้องกับรูมเมทของคาริสสาอีกคนหนึ่งด้วย
คาริสสาช่วยมารายห์ในหลายๆ ด้าน ทั้งช่วยมารายห์หางานใหม่ๆดีๆทำ ที่จะต้องไม่เสียค่าเดินทางมาก เลี้ยงอาหารมื้ออร่อยสำหรับเพื่อนเป็นบางโอกาส ให้ยืมเสื้อผ้าสวยๆ ใหม่ๆ ให้มารายห์ได้ใส่ นอกจากนี้คาริสสายังเคยแต่งเพลงร่วมกับมารายห์ และชักชวนเพื่อนนักดนตรีบางคนที่เธอรู้จักมาร่วมเล่นด้วย แต่ด้วยปัญหาที่ไม่คาดคิดมาก่อนจากเพื่อนรูมเมทของคาริสสา ทำให้ทั้งสองต้องย้ายที่พักอีกครั้งไปอยู่กับโจเซฟิน อดีตคนเคยคบของมอร์แกนซึ่งเป็นพี่ชายของมารายห์ ในห้องนี้นอกจากทั้งสามแล้ว ยังมีรูมเมทอีกสองคน รวมกันเป็นห้าชีวิต กินอิ่มนอนหลับกันในอพาร์ตเมนต์เล็กๆใจกลางเมืองนิวยอร์ก ด้วยไฟแห่งความเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง และอนาทรต่อความกลัวใดๆ มารายห์ยังคงเชื่อมั่นต่อแรงศรัทธาของตน ซึ่งนับวันมีแต่จะทวีพุ่งขึ้นอีกด้วยซ้ำ
"ขอเพียงอย่ายอมแพ้อย่าอ่อนล้า
จงศรัทธาในวิญญาอันแรงกล้า
ลุกขึ้นมาด้วยสองเท้าบนพสุธา
จิตปรารถนาจะบังเกิดสัมฤทธิชัย"
ไมกี่เดือนต่อมา มารายห์ต้องเปลี่ยนงานอีกครั้ง ครั้งนี้ด้วยความช่วยเหลือจากคาริสสา จึงทำให้มารายห์ได้งานคอรัสเสียง มารายห์มีชุดใหม่ที่ได้จากเป็นชุดมินิเดรสรัดรูปไหมพรมสีดำ กางเกงแนบเนื้อสีดำ รองเท้ากีฬา Reebok (และถึงคราวหมดอายุการใช้งานของรองเท้าหนังคู่เก่งที่ได้มาจากแม่แล้ว) ซึ่งคาริสสาแนะนำให้มารายห์ลองขอแม่ให้ซื้อรองเท้าให้ใหม่อีกสักคู่ แต่แพทริเซียแม่ของมารายห์บอกให้มอร์แกนเป็นธุระให้แทน มอร์แกนจริงๆ แล้วก็บ่นอุบอิบหาว่ามารายห์ไม่หาเงินด้วยซื้อตัวเอง แต่ท้ายสุดมอร์แกนก็จัดการซื้อ Reebok คู่นี้ให้มารายห์ และมารายห์ก็ใส่เป็นรองเท้าคู่เก่งคู่ใหม่เหมือนยูนิฟอร์มประจำตัวไปแล้ว
มารายห์ได้รู้จักเพื่อนในแวดวงดนตรีคนหนึ่งชื่อ กวิน ซึ่งเป็นเพื่อนของคาริสสา ในระหว่างการอัดเพลงเพลงหนึ่ง กวินได้แนะนำให้มารายห์รู้จักกับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์คนหนึ่ง ซึ่งเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่าง และมีสตูดิโอเล็กๆของตัวเอง เขาคนนั้นคือ เบน (Ben Margulies) มารายห์เริ่มต้นงานกับเบนในหลายโอกาส เพราะอุปกรณ์ของเบนค่อนข้างพร้อมสรรพ มารายห์ใช้เวลาแต่งเพลง ร้องเพลง อัดเสียงอยู่ในนั้นคืนแล้วคืนเล่า จนเป็นหลายๆ เพลงที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็น Alone in love, All in your mind ฯลฯ และเป็นจุดเริ่มต้นของสัญญาทาสในสมัยเริ่มต้นอาชีพของมารายห์ อันจะยกมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสอันเหมาะสมต่อไป
Comments
Post a Comment