Mariah Carey Thailand

“หนังสือเล่มนี้รวบรวมความทรงจำ ความสำเร็จ ความผิดพลาด ความลำบาก ความกระเสือกกระสน ความเจ็บปวด ปัญหาและอุปสรรค ความฝัน และที่มาของบทเพลงดังต่างๆ การเขียนหนังสือเล่มนี้แทบจะเรียกว่าใช้ความกล้าหาญและการตรึกตรองซึ่งกลั่นออกมาจากประสบการณ์ทั้งชีวิต วีรกรรมโลดโผนโจนทะยานตลอดอาชีพและมุมลึกด้านในจิตใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะถ่ายทอดให้สรุปออกมาสั้นๆ ได้ ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะชักนำเด็กน้อยมารายห์ในวัยเยาว์ของฉันออกมาให้เธอได้ส่งเสียงและให้พื้นที่ยืนกับเธอได้แสดงความเห็นในทรรศนะของเธอที่สร้างให้เป็นฉันในปัจจุบันกาลนี้ ว่าเมื่อสูงสุดก็ขึ้นให้สวย เมื่อตกต่ำก็ลงให้สง่าได้อย่างไร ฉันหวังว่าการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเป็นหนังสือนี้ จะช่วยบรรเทาจิตใจของตัวเอง และหวังว่าทุกคนจะไม่เพียงแต่เข้าใจถึงตัวฉัน แต่เห็นถึงความเข้มแข็งที่มนุษย์ทุกคนมี” ........... "Inclusive, entertaining, and impressively well-written" - The New Yorker "ครบถ้วน, หรรษา และจรุงออกมาได้อย่างประทับใจ" คำโปรยของปกใหม่ที่เป็นฉบับปกอ่อน (paperback) ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่าย 2 พ.ย. นี้

ฟังแฟนคลับเขียนยกยอปอปั้นถึงซิสมี่มาก็มาก ลองย้อนอ่านที่สื่อในไทยเขียนวิพากษ์วิจารณ์นางบ้างดีกว่า ให้เหมาะกับความเป็นตำรับจารจารึกของเทพธิดาตามคอนเซ็ปต์อัลบั้ม ไปกันเลย "Okay, so it's hard to take Carey seriously - she of stiletto heels, spandex dresses and girlie, butterfly motifs - but her music is always on point. On this CD, she is poignant, romantic and hilarious sometimes, all in one song." - BANGKOK POST, 30 December 2009 "...ซาวด์เพลงอาจจะมีความคล้ายคลึงกันมากสักหน่อย แต่ ...คงจะไม่มากเกินไปถ้าจะบอกว่า นี่คืออัลบั้มที่น่าสนใจชุดหนึ่งของนักร้องสาวคนนี้..." - โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552 "...อัลบั้มร้อนแรงใหม่ล่าสุด Memoirs of An Imperfect Angel ของสาวใหญ่สุดเซ็กซี่ Mariah Carey ที่ยังคงเน้นขายเรือนร่างด้วยการแอ่นก้นโชว์เต้าไปพร้อมๆ กับโชว์เสียงร้องทรงพลังเช่นเคย ...งานนี้สาวใหญ่มีส่วนร่วมในการปรุงแต่งเพลงแต่ละเพลงแบบว่าสะท้อนให้เห็นเรื่องราวในแต่ละช่วงเวลาของเธอเลยทีเดียว..." - กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552 "...ค

เชื่อว่าเป็น track โปรดของใครๆ หลายๆคน ในแบบ Old-school Mariah นับครั้งได้ที่มารายห์จะ produce เพลงโดยมีเครื่องดนตรีคือเปียโนชิ้นเดียวไปทั้งเพลงแบบนี้ (ฝีมือการบรรเลงโดย Mike Mason ; โปรดิวเซอร์ร่วมในเพลง I Still Believe และ Do you know where you're going to) เพลงนี้ตามที่เราทราบกันอยู่แล้วว่าต้นฉบับเป็นของ Irene Cara ร้องเอาไว้ในหนังเรื่อง Fame ซึ่งมารายห์ก็ชื่นชมในทักษะการร้องและการแสดงของ Irene อยู่ 1 ย่อหน้าเต็มๆ เป็นไอดอลและแรงบันดาลใจให้เมื่อโตขึ้นมารายห์อยากจะเป็น The Star Idol ที่ทำได้รอบด้านแบบนี้บ้าง ทั้งมารายห์ยังนำเพลงนี้ไปขับขานบนเวทีประกวดยุวชนคว้าได้ถ้วยรางวัลมาจากหลายเวที (รายละเอียดหน้า 52 บท Light of My Life) และมารายห์ก็เลือกที่นำมาตีความใหม่ สดุดีได้ใกล้เคียงในด้านการถ่ายทอดอารมณ์และภาคดนตรี จนต้นฉบับยังต้องชมเชยผ่านทางทวิตเตอร์มาแล้ว ด้วยความที่ไม่มีการโปรโมทใดๆ ให้ต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์โควิด แล้วด้วยความที่มันเป็นเพลงเก่ามากแล้ว นำออกมาใช้เพื่อต่อยอดในการประชาสัมพันธ์หนังสือเมื่อปีที่แล้วเท่านั้น จึงมีเพียง online streaming โดยปัจจุบันบน Youtube มียอดชมป

Merchandise หรือสินค้าที่ระลึกที่ออกในนามศิลปิน/ดารา ไม่ว่าจะมีชื่อหรือหน้าบุคคลคนๆนั้น ปรากฎอยู่ อาทิ เสื้อผ้า เข็มกลัด แก้วน้ำ พวงกุญแจ แผ่นเสียง ฯลฯ สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับศิลปิน โดยที่ไม่ต้องออกแรงมากมาย อาศัยเครื่องหมายการค้าในนามตัวเองออกผลิตภัณฑ์ให้แฟนพันธุ์แท้สะสมและหาซื้อมาเพื่อพิสูจน์รักแท้ โดยปัจจุบัน merch ก็พัฒนาออกมาในรูปแบบสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น กลายเป็นธุรกิจหนึ่งที่สร้างรายได้และเม็ดเงินหมุนเวียนอย่างมากมาย เว็บไซต์ NetCredit รวบรวมสถิติพบว่า Harry Styles มายืนหนึ่งในอันดับดัชนีผู้ที่ทำยอดขาย merch ได้มากที่สุดถึงกว่า 22 ล้านเหรียญ (ราว 766 ล้านบาท) โดยสำหรับซิสมี่มารายห์ของเราก็ติด rank อยู่ในลำดับที่ 24 โดยทำเงินไปประมาณ 917,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 30.6 ล้านบาท) และซิสมี่ก็เป็นศิลปินจากยุค 90 ไม่กี่คนในดัชนีที่ติดอันดับใน Top 40 กับชาวบ้านด้วย ต้นทุนในการแสดงออกว่าคุณเป็นเรียลแฟน เว็บไซต์ NetCredit ยังประเมินด้วยว่าต้องใช้ต้นทุนเท่าไรในการกว้านซื้อของทุกสิ่งทุกอย่างของศิลปิน/ดาราคนนั้นได้ โดยพบว่าหากคุณจะอ้างว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ด้าน official merch ของมารายห์ คุณอาจต้องใ

 19 ก.ย. เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เพลง Obsessed ขึ้นชาร์ทติดอันดับสูงสุดที่อันดับ #7 บน Billboard Hot 100 เพลงที่เป็นตัวแทนของพวกคลั่งรัก จัดเป็นเพลง Top 10 เพลงสุดท้ายที่มารายห์ทำได้ และในเวลาอีกกว่า 8 ปีต่อมาจึงจะมี Top 10 ใหม่อีกครั้งกับเพลง All I Want For Christmas Is You ในปี 2017 ที่อันดับ 9 จึงทำให้มารายห์มีเพลงติด Top 10 สูงถึง 28 เพลงด้วยกัน และ Obsessed ก็หมุนเวียนอยู่บน Top 40 อีกกว่าเกือบ 20 สัปดาห์ด้วยกัน ที่เก๋ไปกว่านั้นก็คือในส่วนของ Dance Remix ก็ทำให้มารายห์ได้อันดับ 1 บน Hot Dance/Club Play ไปอีกหนึ่ง เดิมทีซิงเกิลนำของอัลบั้ม Memoirs เกือบจะได้เป็นเพลงบัลลาดในอัลบั้มเพลงอื่นๆ แล้ว แต่ดีแล้วที่ว่ามารายห์เลือกเพลงที่มีจังหวะสนุกมาเปิดตัวน่าจะดีกว่า และก็ทำให้ยอดขายเพลงนี้ได้รับการรับรองจาก RIAA ว่าสูงถึง 3 platinums ซึ่งมากกว่า Touch my body หรือ #Beautiful เสียอีก ถึงแม้ว่าบางค่ายบางสำนักจะค่อนขอดว่า "เป็นเพลงเสล่อๆ ราคาถูก ที่เอาไว้เปิดช่วงตีสองหลังบาร์ใกล้ปิด และล้าสมัย" แต่ก็พิสูจน์แล้วว่า Obsessed ก็ยังเป็นที่พูดถึงอยู่มาข้ามยุคข้ามสมัย เป็นไวรัลที่สามารถเอามา

   Billboard จัดอันดับเพลงจากอัลบั้ม Emotions ในวาระที่อัลบั้มมีอายุครบ 30 ปี 10. To be around you หนึ่งใน 4 tracks ที่ได้ทีม C+C Music Factory ร่วมแต่งและโปรดิวซ์ เพลงจังหวะคึกคัก ที่มีความย้อนยุคได้อารมณ์เพลง Got to be real เพลงดังในปี1978 ถึงแม้เพลงอื่นๆ ที่ทีมนี้ทำจะได้ซาวด์แบบโมทาวน์ 70 มา แต่เพลงนี้คือได้ความลงตัวของยุคนั้นมากที่สุด 9. And You Don’t Remember บัลลาดทรงพลัง เต็มเปี่ยมด้วยความเศร้าเคล้าอารมณ์ เคียงคู่มากับเพลง If it's over 8. So Blessed เพลงที่มีบรรยากาศของยุค 60's ซึ่งละม้ายกับเพลง Unchained melody (OST. Ghost) ซึ่งมารายห์ถ่ายทอดได้สวยงามสอดคล้องไปกันกับภาคดนตรีที่ไม่ดูเชย เป็นอีกหนึ่งต้นแบบในเวลาต่อมาของมารายห์ในเพลง Forever 7. “You’re So Cold” แม้มารายห์จะพูดทีเล่นทีจริงเมื่อปีที่แล้วว่าเพลงนี้เธอไม่ใคร่จะแนะนำ แต่บิลบอร์ดไม่เห็นด้วย เพราะเพลงนี้สนุกสนาน ผ่อนคลาย และสุดเหวี่ยงในเรื่องเสียงซึ่งมารายห์ใช้เสียงสูงต่ำเปลี่ยนคีย์ไต่คีย์ในแบบที่เพลงมารายห์ในยุคหลังจากนี้จะเป็น 6. Till the End of Time เพลงบัลลาดอันเรียบโก้ เปี่ยมด้วยสภาวะอันพึงมีของตัวเพลง หวานล

ที่มาส่วนหนึ่งจากหนังสือ The Meaning of Mariah Carey. Part 3 Sing Sing. Chapter : Just Like Honey หน้า 207-210. ในกระบวนการทำอัลบั้ม Butterfly นั้น มารายห์รู้สึกว่าต้องพัฒนากลบทในการเขียนเพลงให้ดูก้าวหน้าและเติบโตขึ้น วิธีการแต่งทำนองและการเล่าเรื่องจะต้องมีความแปลกใหม่ไปจากที่เคยเป็นมา โจทย์ที่ตั้งไว้จะเป็นเพลงที่มีชั้นเชิง มีระดับ และมีความซับซ้อนแต่เต็มเปี่ยมด้วยความสดใสเจิดสว่าง แสดงอัตลักษณ์ของมนุษย์ในความมีเสรีในการแสดงออกของตัวตน มารายห์ติดต่อใช้บริการโปรดิวเซอร์มือฉมังที่ดังที่สุดในขณะนั้น ถึงสามคนด้วยกัน ตัวเพลงก็มีโครงสร้างจากเพลงในยุค 80 อีกถึงสองเพลง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มารายห์ทดลองทำอะไรที่ก้าวล้ำไปกว่าที่เคย เปิดมุมมองด้านใหม่ๆ ที่มีความไหลลื่น เซ็กซี่ และก๋ากั่นไปในขณะเดียวกัน จนออกมาเป็นเพลง Honey ที่มารายห์บรรยายว่าไม่ได้เจาะจงเขียนขึ้นเพื่อคนใดเป็นการเฉพาะ แต่เมื่อทอมมี่ฟังก็เกิดอาการหัวร้อน คิดเอาเองว่ามารายห์น่าจะเขียนถึงบางคนที่ได้ขโมยหัวใจมารายห์ไปครองแล้ว หรือจริงๆแล้วก็ตั้งใจพูดจากระทบกระเทียบถึง Derek Jeter แต่จริงๆ แล้วมารายห์เองมีมโนทัศน์และความรู้สึกที่ลุ่มลึ

เราอาจเห็นเส้นทางความสำเร็จของ Glitter ได้ชัดกว่านี้หากว่ามารายห์ตัดสินใจไม่เลื่อนโครงการหนังและเพลงประกอบที่มีแผนวางไว้มาตั้งแต่ช่วงปี 1997 ซึ่งก็เป็นช่วงที่มารายห์มีปัญหาภายในกับทอมมี่ เพื่อที่มารายห์เองจะได้มีเวลาทำผลงานอีก 2-3 อัลบั้มเพื่อสิ้นสุดภาระหนี้จากสัญญากับทางโซนี่ไปพลางก่อน และเพื่อหลังจากนี้ที่มารายห์เองจะได้กำกับควบคุมทิศทางของอัลบั้มได้โดยปราศจากอิทธิพลของทอมมี่ที่มีอยู่ในค่ายโซนี่มิวสิค สิ่งที่ทอมมี่กลัวว่ามารายห์จะทำได้สำเร็จคือศาสตร์การแสดงที่จะช่วยตอกย้ำให้ทอมมี่ต้องเจ็บใจว่าเมื่อมารายห์หลุดพ้นจากการครอบงำของตัวเขาแล้ว มารายห์สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวของมารายห์เองโดยไม่ต้องพึ่งพาสายป่านของเขาที่มีอยู่อย่างโยงใยไม่แม้กระทั่งคลื่นวิทยุ ร้านขายซีดี หรือค่ายหนังก็ตาม ด้วยโทสะของทอมมี่ที่มารายห์ริกบฏต่อตัวเขาและต้องการหลุดพ้นจากการทำเม็ดเงินให้กับโซนี่ ทำให้ทอมมี่ทำทุกวิถีทางที่จะสกัดฝันของมารายห์ไม่ให้เป็นดาวฤกษ์จรัสแสงด้วยตัวของดาวเอง ทั้งการส่งลูกสมุนไปเอาภาพโปรโมทหรือสแตนดี้ที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ออกไป หรือการติดต่อไปใช้งานโปรดิวเซอร์เพื่อดักทางมารายห์ ทำให้มารายห์ต้อง

เมื่อพูดถึงการร่วมงานในเพลงรักแท้อยู่เหนือกาลเวลา The Distance ที่มารายห์เชิญแรปเปอร์ Ty Dollar $ign มาร่วมสร้างความเชื่อมั่นให้กำลังใจคู่รักที่จะก้าวข้ามคำปรามาสและคำสบประมาทจากพวกขี้อิจฉาและพวกที่หวังดีประสงค์ร้าย และก็ได้มีการไปออกรายการ Fallon ไลฟ์สดเพลงนี้ เมื่อตอนปี 2018 โดยไท ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์นั้นจากบทสัมภาษณ์ไม่นานมานี้ว่า ซิสมี่มารายห์และทีมโปรดิวเซอร์ติดต่อมา นับเป็นอีกผลงานหนึ่งที่ไทและครอบครัวภาคภูมิใจมาก "พี่มี่...สร้าง! ให้ฝัน ที่ผมเคยฝัน ที่ไม่กล้าฝัน ที่คนธรรมดาคนนึงไม่กล้าฝัน แต่พี่มี่ก็ให้มา โดยที่ผมก็แอบฝัน แล้วเค้าก็เป็นคนสร้างฝันครับ" I remember we performed on Fallon, me and Mariah, and I was just like, wow, ‘is this really happening? Like, I was singing with Mariah Carey, the GOAT.’ There’s like, a few people like that can just make you feel like, darn like, I really made it. You know what I’m saying like, God is great. Like, I hope my mom is watching this. Like it was one of those feelings.

ข่าวจาก OK! Magazine เม้าท์มอยว่า ซิสมี่มารายห์ไม่มีแผนที่จะแต่งงานใหม่อีกรอบ ถึงแม้ว่าในทางพฤตินัยจะคบหาและมีสัมพันธ์กันอยู่กับ Bryan Tanaka โดยที่ผ่านมา BT มักจะเร้าหรือเรื่องนี้กับมารายห์อยู่เสมอ แต่มารายห์จะยุติประเด็นนี้ทุกครั้ง เพราะไม่ใช่เรื่องเดียวที่จะขอแล้วให้กันได้ โดยสาเหตุน่าจะมาจากความเข็ดหลาบจากการแต่งงานทั้งสองครั้ง ที่ครั้งแรกก็ถูกควบคุมจนไม่เป็นตัวของตัวเอง กับหนหลังที่ผิดหวังจากความไม่สำเร็จในการใช้ชีวิตคู่ที่พยายามประคับประคองแล้ว ถึงแม้ว่า BT จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยมารายห์เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กแฝด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ BT มาเป็นพ่อเลี้ยงในทางปฏิบัติด้วย และมารายห์ต้องการสถานะโสด เพื่อที่จะได้ทำนิติกรรมอะไรต่างๆ ได้สะดวก และไม่มีภาระอะไรมาวุ่นวายใจ มารายห์ยังบ่นไปถึง Nick Cannon ด้วยว่า ขาดความรับผิดชอบและเลินเล่อในการใส่ใจน้อง Roc น้อง Roe เกินกว่าที่รับปากและทำข้อตกลงกันไว้ในการดูแลบุตร จากสาเหตุที่ NC มีภาระเลี้ยงดูบุตรธิดาที่เกิดจากภรรยาคนอื่นๆ ด้วย #สวยเริ่ดเชิดโสด #ใครว่าสวยแล้วหยิ่ง #เพราะว่าอันที่จริงทั้งหยิ่งทั้งสวยนิน่า