มารายห์ แครีย์ เล่าที่มาของเพลงในอัลบั้มใหม่ Here For It All
#HereForItAll อัลบั้มลำดับที่ 16 ของคุณมารายห์ Mariah Carey เป็นโปรเจกต์ที่ดึงเอาความลึกซึ้งและการค้นหาตัวตนมาใช้ โดยเฉพาะเพลงบัลลาด เช่น “Nothing Is Impossible” ที่สะท้อนถึงการจุดประกายความเข้มแข็ง อัลบั้มนี้รวมหลายแนวทั้ง R&B, ฮิปฮอป, ดิสโก้, กอสเปล และป๊อป เธอยอมรับว่าตอนแรกกังวลว่าจะมีแนวเพลงมากเกินไป แต่สุดท้ายก็คิดว่า “ไม่เป็นไร คนสวยไม่แคร์ค่ะ”
ไม่ว่าจะเป็นกอสเปลร่วมกับ The Clark Sisters ใน “Jesus I Do”, การอ้างอิงสตรีทซาวด์ปลายยุค ’80s ใน “Type Dangerous”, กลิ่นอายเพลงรักยุค ’70s ใน “Play This Song” (feat. Anderson .Paak) หรือการคัฟเวอร์เพลงสุดคลาสสิกอย่าง “My Love” ของ Paul McCartney — คุณมารายห์ ก็ยังคงเป็นตัวของตัวเอง และสนุกกับอัลบั้มนี้อย่างเต็มที่
คุณมารายห์คัดเลือก highlight tracks เล่าที่มาของเพลงให้ Apple Music ดังนี้
“Mi”
“เพลงนี้เป็นเหมือนบทเปิดบอกเล่าการรักตัวเองและการดูแลตัวเอง มันออกจะติดตลกขำ ๆ แต่ก็ยังเป็นเพลงที่หลายคนชอบและบอกว่า ‘เธอ ฉันชอบเพลงนี้มาก’ ฉันก็นึกภาพตัวเองอยู่ในอ่างน้ำอุ่นทุกครั้งที่ฟัง”
“Play This Song” (feat. Anderson .Paak)
“ฉันอยากทำงานกับ Anderson มานานแล้ว เพราะเขาเก่งและเจ๋งมากในสิ่งที่เขาทำคือการเป็นนักดนตรีสุดมันส์ พอเข้าสตูดิโอด้วยกัน เราก็คิดว่าจะทำอะไรที่เป็นแนว ’70s และเพลงนี้ก็ออกมามีบรรยากาศแบบนั้นจริง ๆ เราเริ่มทำเพลง ‘Play This Song’ และมันก็เป็นหนึ่งในเพลงที่ฉันชอบมาก ๆ การได้ทำงานกับเขาในสตูดิโอและเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“Type Dangerous”
“ฉันอยู่ในร้านอาหารที่ Aspen กับ Andy [Anderson .Paak] และเพื่อน ๆ อยู่ ๆ ก็มีการเปิดเพลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเพลง ‘Eric B. Is President’ ดังขึ้นมา ฉันก็แบบ ‘หูยย! ฉันรักเพลงนี้มาก ไม่ได้ฟังมานานแล้ว’ วันต่อมาเราก็ไปสตูดิโอ เริ่มลองเล่นกับการแซมเปิลเพลงนี้ และสุดท้ายก็วนซ้ำไปเรื่อย ๆ จนฉันบอกให้เปิดเล่นซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด”
“In Your Feelings”
“เพลงนี้เป็นเพลงที่เหมือนคุณเล่าเรื่องสิ่งที่คุณผ่านมา แล้วจับมันมารวมกันปลดปล่อยออกมา นั่นคือสิ่งที่เราทำ หลายๆคนที่ได้ฟังชอบท่อน ‘I think you might be getting a little bit too…’ มาก ซึ่งฉันก็ชอบนะ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรจริงจัง แค่ปล่อยอารมณ์ ณ ตอนนั้น ฉันเองยังไม่เห็นความเก๋ของมันนัก จนกระทั่งเราอัดเสร็จและอยู่กับมันมาสักพัก”
“Nothing Is Impossible”
“ฉันแค่เขียนอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เล่น ๆ ไปพร้อมกับเพื่อนสนิทและมิวสิกไดเรกเตอร์ของฉัน คุณ Daniel Moore เขาเล่นเปียโน ส่วนฉันร้องตาม เราแลกเปลี่ยนกันทางทำนองดนตรี แล้วฉันก็เอาไปร่างเนื้อร้องต่อที่บ้าน ฉันคิดว่าเพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่ฉันต้องอยู่ลำพังจริง ๆ เพื่อเขียนความรู้สึกเหล่านี้ออกมา ฉันคิดว่ามันเป็นเพลงที่อย่างน้อยก็ช่วยให้ใครบางคนก้าวผ่านอะไรบางอย่างไปได้”
“I Won’t Allow It”
“เราใช้เวลานานในการเขียนเพลงนี้ ไม่ใช่ว่านานตรงคำหรือดนตรี แต่เพราะเราทำเพิ่มไปเรื่อย ๆ produced มากขึ้นเรื่อย ๆ มันเป็นอีกเพลงที่ทำกับ .Paak และเขาเก่งมากกับสไตล์แบบนี้ เพลงนี้มีโมเมนต์เจ็บ ๆ แสบ ๆ อยู่หลายจุด ท่อน ‘I won’t entertain all your narcissistic ways’ เป็นท่อนที่ฉันชอบมาก ๆ ส่วนท่อน ‘Should have been more proactive’ ก็ตลกมากจนทำให้ฉันหัวเราะทุกครั้ง”
“My Love”
“เพลงนี้เหมือนการรำลึกถึงวัยเด็กของฉัน เพราะฉันจำได้ว่าฉันคือเด็กน้อยที่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กับลูกสาวเพื่อนแม่และแฟนหนุ่มของเธอ เพลงนี้เป็นเพลงของพวกเขา ฉันยังคงหวังว่า Paul McCartney อาจมาเล่นอะไรบางอย่างในเพลงนี้ได้ ซึ่งมันจะสุดยอดมาก ๆ เพราะเขาคือหนึ่งในศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ก่อนที่ฉันจะอัดเพลงนี้ ฉันถามเขาว่าจะรังเกียจไหมถ้าฉันนำมาร้อง เขาก็บอกว่า ‘ไม่เลย ลองดูสิครับ ส่งมาให้ผมฟังด้วยนะ’ ฉันก็แบบว่า ‘เอาไงดีล่ะ’ เพราะฉันอยากให้เขามีส่วนร่วมมาก ๆ อย่างน้อยก็ร้องประสานเสียงอะไรสักอย่าง แม้ตอนนี้เขาอาจจะไม่สะดวก แต่บางทีเขาอาจจะเล่นอะไรให้ในเวอร์ชันดีลักซ์ ฉันจะปลื้มสุด ๆ ไปเลย แต่ถ้าพูดถึงอารมณ์ของเพลง ตอนที่ฉันร้อง มันชัดเจนเลยว่าหมายถึงการได้เจอใครสักคนที่คุณและรักและมอบใจให้จริง ๆ”
“Jesus I Do” (feat. The Clark Sisters)
“ฉันเป็นแฟนตัวยงของ The Clark Sisters ฉันชอบงานของพวกเขามาก อัลบั้มเดี่ยวของ Karen Clark นั้นยอดเยี่ยมและไม่เหมือนใครจริง ๆ ตอนที่ได้ทำเพลงนี้ฉันยังคิดเลยว่า ‘ไม่อยากเชื่อว่าฉันได้มาทำสิ่งนี้จริง ๆ’ เราเขียนเพลงนี้ด้วยกันและร้องด้วยกัน ทุกเสียงประสานที่เราทำ ฉันได้รับแรงบันดาลใจจากเสียงประสานของพวกเขามาก ๆ และเมื่อได้เอามาผสมกับเสียงของฉัน มันกลายเป็นสิ่งที่เยียวยาจิตใจได้จริง ๆ”
“Here For It All”
“เพลงนี้พิเศษสำหรับฉันมาก นั่นคือเหตุผลที่ฉันวางไว้ท้ายอัลบั้มและตั้งชื่ออัลบั้มตามเพลงนี้ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากอธิบายลงลึกทุกจังหวะ ฉันชอบที่มันเหมือนจบแล้วแต่ก็ยังไม่จบ เดิมทีฉันคิดว่านี่จะเป็นเพลงกอสเปลของฉันในอัลบั้มนี้ เพราะมันให้บรรยากาศแบบนั้น แต่เรามี ‘Jesus I Do’ แล้ว เลยพัฒนากลายเป็นอีกแนวหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าเพลงนี้เป็น ‘เพลงของมารายห์ แครี่ย์’ อย่างแท้จริง ในแบบที่เพลงเก่าๆ ของฉันบางเพลงยังไม่ใช่ เพลงนี้มันมีความเป็นโซลอยู่ในนั้น รวมถึงการเรียบเรียง ฉันรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ personal มาก แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นการส่งต่อให้คนอื่นที่ต้องการฟังสิ่งแบบนี้ด้วยค่ะ”
🌈❣️🥰 อัลบั้ม Here For It All สตรีมได้ตั้งแต่เวลา 11.00 ของ ศ.ที่ 26 ก.ย. นี้
#MimiThaiFans #แม่หมีไทยแฟน #จักรวาลมารายห์ #MariahCarey #วัยรุ่นน่ารักสดใส #แก่นแก้วแสนซนคนสวย
Comments
Post a Comment