20 มีนาคม พ.ศ. 2541 เป็นวันแรกที่เพลง "The Roof" ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลที่ฝั่งยุโรป

ครบรอบ 18ปี เพลงอาร์แอนด์บีขั้นเทพ "The Roof"


20 มีนาคม พ.ศ. 2541 เป็นวันแรกที่เพลง "The Roof" ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลที่ฝั่งยุโรป เนื่องในวันเกิดของเพลงนี้ และเป็นหนึ่งในเพลงของมารายห์ที่แอดมินรักมากที่สุด แอดมินเลยขอรีวิวร่ายยาวถึงตำนานของเพลงนี้ ให้อ่านกันแบบจุใจ

"The Roof" บทเพลงบรรเลงสื่อผ่านเรื่องราวความรัก ที่แฝงไปด้วยความดัดจริตของหญิงสาวที่ผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆมามากมาย

หะแรก part ดัดจริต มารายห์ แครี่ย์ ทิ้งความอ่อนหวานจากดนตรีพ๊อพที่อดีตสามีปูทางไว้ให้เดิน ก้าวล้ำไปสู่เส้นทางของดนตรีคนผิวสี ที่แม้ว่าต้นสังกัดจะไม่ค่อยปลื้มใจสักเท่าไร แต่มารายห์ก็งัดข้อเพื่อที่จะเรียกร้องให้ทุกคนพิสูจน์ได้ว่า สายเลือดของเธอก็มาสายนี้เช่นกันนะเออ
ความดัดจริตของมารายห์ไม่ใช่แค่ตัวละครในมิวสิควีดีโอเท่านั้น แต่ในส่วนของตัวเพลงเองมารายห์ก็ใส่รายละเอียดที่นักร้องหญิงยุคนั้นไม่ค่อยจะกล้าทำแบบนี้สักเท่าไร เริ่มต้นจากดนตรีอาร์แอนด์บีที่มันเข้มข้นขึ้น (ในอัลบั้มก่อนหน้านี้เราจะได้ยินเพลงอย่าง Long Ago หรือแม้กระทั่ง Always Be My Baby แต่นั่นมันก็แค่เจือๆ ความเป็นอาร์แอนด์บีนิดๆ) 

โดยส่วนตัวแล้วชอบอัลบั้มเวอร์ชั่นมากกว่า เพราะเวอร์ชั่นนี้มันมีความดิบ และความดำเพียวๆ ของเพลง โดยไม่ต้องประดิษฐ์และยัดเยียดแร๊พโย่วเข้ามา มันก็ฟังเป็นอาร์แอนด์บีชั้นเริ่ดที่หาใครเปรียบไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะกับคู่แข่งขันในยุคถัดๆ (ขออนุญาตพาดพิงสักหน่อย) ที่พยายามจะพรีเซ้นต์ตัวเองว่าทำเพลงแนวไหนก็ได้ ละติน ป๊อป แดนซ์ หรือ แม้แต่อาร์แอนด์บีก็ตาม ถึงขั้นดึงหนึ่งในนักแต่งเพลงนี้ (Cory Rooney) ไปร่วมงานด้วย ถึงแม้จะผ่านการนิยมชมชอบขนาดไหนแต่พูดแบบไม่ลำเอียงว่าเพลงอาร์แอนด์บีที่นางทำมานั้นมันก็แค่เพลงทำมาเพื่อขายเพื่อการตลาด แต่จะให้สวยและเริ่ดหรูแบบ the roof คงต้องไปฝึกแต่งเพลงเองก่อนถึงจะดี 

ความดัดจริตส่วนที่สองคือการขนพลพรรคพี่มืดมาร่วมงานมากมายไว้ในเพลงนี้ที่บอกได้เลยว่านักร้องหญิงยุคนั้นไม่มีใครกล้าและมีจริตมากพอที่จะเสนองานแบบนี้ มารายห์เองอาจจะเป็นคนแรกๆที่กล้าฉีกกฎนั้น (ตั้งแต่ Fantasy Remix Feat O.D.B. แล้ว) เพลงนี้มารายห์ได้ Producer คู่หูที่กำลังรุ่งเรืองในยุคนั้นอย่าง Poke & Tone ในนามของ the Trackmasters ซึ่งทั้งคู่มีงานร่วมกับศิลปินต่างๆ เจ๋งๆออกมาให้ได้เสพมากมาย อาทิ Puff Daddy, Dr.Dre หรือแม้กระทั่งศิลปินหญิงคู่แข่งรายเดิมที่เอ่ยไปก็เคยใช้บริการมาแล้ว และเพื่อเพิ่มความดำเข้าไปอีกยังเอาทำนองเพลง Shook Ones ของ Mopp Deep มาแซมเปิ้ลด้วย และในเวอร์ชั่นรีมิกซ์ Mopp Deep มาเสริมทัพด้วยการร้องแรปให้อีกด้วย ทุกอย่างมันเลยลงตัว แลดูเป็นความดัดจริตที่ไม่ใช่ความตอแหลที่หลายๆคนชอบด่าว่าคนทั่วไปๆ แต่นี่คือความดัดจริตที่ในว้าว! จนจะบรรยายได้ 

และอีกหนึ่งอย่างที่ลืมไม่ได้ มารายห์ได้ใส่เนื้อร้องที่ถือว่าล้ำยุคมากในเวลานั้น นั่นก็คือ And I was twisted in the web of my desire for you ซึ่งในยุคต่อมาที่โลกโซเชียลเฟื่องฟูก็มีโปรแกรม Twitter ให้เราๆได้ Twist กันแบบในเพลง เห็นไหมล่ะนางล้ำขนาดไหน
ในส่วนของคอรัสและ Back Vocal ยังได้น้องสาวคู่บุญเสียงทองอย่าง Kelly Price มาเสริมทัพอีกด้วย (ก่อนที่นางจะโด่งดังและไป Feat ให้กับป้าวิท ในเพลง Heart Break Hotel) ซึ่งทั้งสองมีลูกรับลูกส่งได้อย่างลงตัวเหมาะเจาะมาก ต้องยอมใจกับเทคนิคการอัดเสียงของมารายห์ที่ไม่ต้องจ้างนักร้องแบ๊คอัพมามากมาย เพราะนางสามารถอัดเสียงทับซ้อนและซ้อน ว้อนแล้วซ้อนอีกของนางเองได้ ดิชั้นชอบที่สุดตรงท่อน Pretty Baby – How I’m missing you คือเสียงร้องของมารายห์บ่งบอกได้ถึงความคิดถึงคนรักมากมายขนาดไหน คือมันคิดถึงแทบขาดใจและบาดใจ มากกว่าคำว่าคิดถึงของเพลงพี่หรั่ง เรคเคสตร้ามากล้านๆเท่า (มีให้ได้ฟังเฉพาะ อัลบั้มเวอร์ชั่นเท่านั้น เพราะรีมิกซ์เวอร์ชั่น จะตัดคำว่า Pretty Baby ออก) 

นี่ถ้าป้ามารายห์มีความใจกล้ามากกว่านี้ ทำเวอร์ชั่นบัลลาดออกมาแข่งกับ My All รับรองว่าคนขี้เหงา หยิบเพลงนี้มาฟังอาจถึงตายได้เลย แต่ถึงกระนั้นก็ต้องยกย่องใจของมารายห์ที่กล้าที่จะปล่อยเพลงนี้มาโปรโมท เพื่อแสดงความเป็นตัวตนอีกด้านให้แฟนเพลงรับรู้ โดยไม่แคร์กระแสและต้นสังกัดเลย และแน่นอนมันพิสูจน์แล้วด้วยตัวของมันเองว่านี่คือเพลง อาร์แอนด์บี ชั้นยอด ที่จะอยู่ในใจและใน Play List ของเรา

Comments

Popular posts from this blog

คาดการณ์ Set List คอนเสิร์ต Mariah Carey Live In Concert ที่ไทย

"มารายห์" กล่าวถึง "มาดอนน่า"